อาชีพโปรแกรมเมอร์ (หรือ Software Developer) ถือว่าเป็นอาชีพที่มาแรงมากในยุคนี้ โดยธุรกิจต่างๆไม่ว่าจะเป็น ขายของ ธนาคาร หรือการสร้างโปรดักส์ของเราขึ้นมาเอง เรียกได้ว่ายากมากหากจะขยายธุรกิจแล้วไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมเมอร์หรือคนที่มีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม ทำให้อาชีพโปรแกรมเมอร์นั้นเป็นที่ต้องการในตลาดท่ีสูงมากๆ และเมื่อความต้องการสูง เงินเดือนก็ย่อมสูงตามไปด้วย โดยเด็กจบใหม่หรือคนที่เพิ่งเริ่มทำงานนั้น จะสามารถหางานที่มีรายได้สูงถึง 20,000 – 50,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว หากมีความรู้รอบด้าน เงินเดือนหลักแสนก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามากๆสำหรับอาชีพโปรแกรมเมอร์ พอฟังดูแล้วน้องๆหลายคนก็คงเริ่มสนใจอาชีพนี้กันแล้วหล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราไปดูเลยดีกว่าว่าเส้นทางสู่สายโปรแกรมเมอร์มีอะไรบ้างและยากขนาดไหน เราไปดูกันเลย
เริ่มต้นจากตรงไหนดี
หากน้องๆยังอยู่ในระดับมัธยมแล้วหล่ะก็ ถือเป็นเรื่องดีอย่างมากเพราะเราจะได้ค้นหาตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการสอบเข้ามหาลัยหรือศึกษาการเรียนเขียนโปรแกรมเพื่อใช้ในการทำงานในอนาคต โดยคณะที่เรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์หรือใช้ประโยชน์ในด้านโปรแกรมมิ่งและแวดวงเทคหลักๆนั้นก็จะมี วิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะICTต่างๆ วิศวะคอม/สื่อสาร เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หรือตามปวช. ปวส.หลักสูตรโปรแกรมมิ่งก็มีเปิดให้เรียนได้หลายที่เลย และการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น เรียกได้ว่าต้องมีทักษะคณิตศาสตร์ การคิดวิเคราะห์มากพอสมควรเพื่อใช้ในการเขียนโค้ดแก้ไขปัญหาต่างๆในระบบ รวมถึงยังต้องอ่านภาษาอังกฤษได้แบบคล่องแคล่วในระดับนึง เนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาทุกวัน การหาข้อมูลความรู้เหล่านี้จะมีแต่เป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ทำให้ภาษาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการเรียนเขียนโปรแกรมด้วย
แล้วสำหรับคนที่เรียนมาไม่ตรงสายหล่ะ ควรทำอย่างไรดี ก่อนอื่นให้ถามตัวเองก่อนว่าพร้อมไหมที่จะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาแบบใช้ตรรกะและคณิตศาสตร์ในการคิดคำนวณ หากสองข้อนี้ไม่ใช่ตัวเรา การเป็นโปรแกรมเมอร์อาจจะไม่ใช่ทางที่เหมาะสมกับเราแล้ว แต่ถ้าคุณสมบัติผ่านครบ ก็เริ่มการเรียนของเราได้เลย โดยการเรียนนั้นมีหลากหลายสามารถเลือกเรียนได้ทั้งจากคอร์สออนไลน์ต่าง สถาบันสอนพิเศษ หรือจะเรียนรู้ด้วยตัวเองก็ได้ เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเองถือเป็นคุณสมบัติที่ดีของโปรแกรมเมอร์ในการก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ๆ
ภาษาโปรแกรมมิ่งและสิ่งที่ควรเรียนรู้
อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าภาษาที่เหมากับการเรียนเริ่มต้นนั้นมีหลายอย่าง แต่อย่าไปซีเรียสและยึดติดกับมันมากนัก เพราะไม่มีภาษาใดที่สมบูรณ์และถ้าเรายิ่งเขียนได้หลายภาษาแล้ว ยิ่งเพิ่มทั้งโอกาสและเงินเดือนที่เราจะได้เข้ามาในชีวิตด้วย แต่ภาษาหลักในความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียนนั้น อยากให้เริ่มที่ Java / Python / C ในการฝึกแก้ปัญหาด้วยการใช้โค้ดแบบง่ายๆ อาจจะเขียนสคริปเล่นๆขึ้นมาใช้เอง เพื่อเป็นการคุ้นเคยกับการเขียนโปรแกรมไปก่อน เพราะแต่ละอันนั้นจะสามารถต่อยอดไปใช้กับภาษาอื่นได้ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งพอเราคุ้นเคยกับอันภาษาไหนแล้ว เราก็จะสามารถเลือกสายทางเดินที่เราชอบได้และเปลี่ยนภาษาได้ในอนาคตแน่นอน
นอกจากการเขียนโค้ดเป็นแล้วนั้น สิ่งที่โปรแกรมเมอร์ควรจะศึกษาไปด้วยก็คือ ระบบการทำงานในแบบต่างๆ เช่น Agile, Scrum, Waterfall การทำงานของDatabase Infrastructure ต่างๆของเวบหรือแอพพลิเคชั่นและMachine learning(ปัญญาประดิษฐ์) ด้วย สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางสำหรับการทำงานในองค์กรใหญ่ๆหรือบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่น/โปรแกรมที่มีชื่อเสียงต่างๆมากมายทั้งในไทยและระดับโลก โดยสิ่งเหล่านี่คือสิ่งที่เราจะนำไปใช้เพื่อเรียนรู้การทำงานเป็นระบบใหญ่ ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ดขึ้นมาเองเพื่อใช้งานเองอีกแล้ว เราอาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ลึกถึงขั้นเป็นspecialistในด้านนั้นๆ แต่การรู้เยอะถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้มากมายเลย
สิ่งที่ควรทำสำหรับโปรแกรมเมอร์มือใหม่
เขียนโปรแกรมเยอะๆเข้าไว้ อาจจะเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการหรือที่คุณต้องการจะทำเอง และสิ่งที่คุณชอบทำด้วย อาจจะเป็นโปรแกรมสำหรับอัพโหลดไฟล์จากเครื่องเข้าCloudแบบอัตโนมัติหรือโปรแกรมสำหรับควบคุมอุปกรณ์อัจริยะในบ้านเป็นต้น รวมถึงการหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆเสมอ เพราะการเป็นโปรแกรมเมอร์นั้น เราไม่สามารถหยุดหาความรู้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะเรียกได้ว่าตกแพทช์ทันทีเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ที่ดีกว่าเดิมเข้ามาแทนที่ อีกอย่างคือเราควรจะเรียนอยู่ที่จะหาโค้ดจากหลายๆที่มาใช้กับโปรแกรมของเรา เพราะในโลกโปรแกรมมิ่งนั้นมีcommunityออนไลน์ต่างๆมากมายที่คอยแชร์โค้ดและแชร์ความรู้กัน เราสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนที่ทำงานจริงเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ Class-dd อยากจะฝากให้ทุกคนที่มีความฝันจะเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ประสบความสำเร็จตามที่ใจหวัง อย่าลืมว่าการฝึกฝนนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในพัฒนาตนเอง อย่าหยุดที่จะหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ แล้วก็ฝากให้ติดตามเราได้ที่ Facebook: Class-dd สำหรับบทความอื่นๆเกี่ยวกับการศึกษาที่จะมาอัพเดทให้อ่านกันทุกอาทิตย์เลยนะครับ