ในช่วงเวลาต้นปีนี้ ก็คงจะเป็นเวลาที่น้องๆ มัธยมปลายหลายๆ คน เริ่มที่จะต้องมานั่งนึกถึงคณะที่ชอบ คณะที่ใช่ในระดับมหาวิทยาลัยกันบ้างแล้วใช่มั้ย ดังนั้น วันนี้ Class-dd จะพาน้องๆมาทำความรู้จักกับอีกคณะในฝันของน้องๆ หลายคน ซึ่งก็คือคณะ “บาลัค” (BALAC) หรือ อักษรศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ของจุฬาฯ นั่นเอง
“BALAC” คือคณะอะไร? ย่อมาจากคำว่าอะไรกันนะ?
BALAC (บาลัค) หรือ The Bachelor of Arts in Language and Culture คือหลักสูตรหนึ่งในคณะอักษรศาสตร์และเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการสอนทางด้านวัฒนธรรมศึกษา (Cultural studies) ควบคู่ไปกับทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมให้นิสิตนักศึกษาทุกๆ คน ให้มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการติดต่อสื่อสาร การแลกเปลี่ยน และการปฏิสัมพันธ์ของผู้คนจากวัฒนธรรมที่หลากหลายอยู่ตลอดเวลา
เด็ก BALAC เรียนอะไรบ้าง
เนื่องจากบาลัคมีศักดิ์เป็นเอกๆ หนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการกว่า เอกภาษาและวัฒนธรรม (Language and Culture) น้องๆ ที่ตัดสินใจเข้าบาลัคก็จะไม่ต้องเลือกวิชาเอกตอนปี 2 เหมือนกับเพื่อนๆ ภาคปกติ ถึงอย่างไรก็ตามน้องๆ ยังจะต้องเลือกวิชาโทตอนเข้าปี 1 ซึ่งก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าวิชาโทจะมีให้เลือกแค่ภาษาที่ 3 (จีน,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,อิตาลี,เกาหลี,ญี่ปุ่น,รัสเซีย,สเปน) แต่ปัจจุบันนี้บาลัคได้มีการเพิ่มโทอื่นๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกสำหรับน้องๆ ที่สนใจในด้านอื่นๆ เช่น Media study (ศึกษาเกี่ยวกับสื่อในทุกๆ ด้าน เช่น เพลง ดนตรี ภาพยนต์ วรรณกรรม ศิลปะการแสดง) และ Global study (เจาะลึกถึงโลกโลกาภิวัฒน์ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของโลกในยุคศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงรูปแบบทางวัฒนธรรมและอิทธิพลต่างๆ ในสังคมยุคหลังจากการล่าอาณานิคม) นอกจากนี้ก็จะเป็นวิชาบังคับและวิชาเลือกอื่นๆที่ต้องเรียนให้ครบหน่วยกิตค่า
เรียน BALAC จบแล้วไปทำอะไร?
เนื่องจากบาลัคมีการเรียนการสอนที่กว้างและค่อนข้างครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย สิ่งที่ได้จากบาลัคจะไม่ใช่แค่วิชาชีพที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเป็นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการคิดวิเคราะห์ รวมไปถึงความรู้ทางด้านวัฒนธรรมศึกษาที่จะช่วยปูทางให้น้องๆมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรมและภูมิหลัง อีกทั้งสามารถช่วยเราในการต่อยอดทั้งในด้านการเรียนต่อโทและการใช้ในการประกอบอาชีพต่างๆ ดังนั้นเด็กบาลัคแต่ละคนก็จะค่อนข้างเดินทางในเส้นทางที่หลากหลาย เช่น ทำงานในกระทรวงต่างประเทศ ในองค์กรสหประชาชาติอย่าง UN บรรณาธิการ (editor) ผู้จัดงานอีเว้นต์ (event organizer) งานแปล งานประสานงาน งานด้านการทูต งานด้านสังคม งานด้านการศึกษา หรือแม้กระทั่งทำงานในบริษัทต่างชาติ เช่น Nestle หรือ Agoda ก็มี
อยากเข้าบาลัคต้องทำอย่างไร? ต้องเตรียมตัวแค่ไหนถึงจะพิชิตข้อสอบบาลัคได้?
อันดับแรกน้องๆจะต้องถามตัวเองก่อนเลยว่าตัวเองชอบและถนัดอะไรและหากน้องๆสนใจและพร้อมที่จะเรียนรู้อารยธรรมประวัติศาสตร์รวมไปถึงทฤษฎีต่างๆพร้อมที่จะนำมันมาประยุกต์ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเราแล้วนั่นน้องๆก็มาถูกทางแล้ว ! นอกเหนือจากความชอบความถนัดแล้ว น้องๆควรจะมีใจรักในการอ่านหนังสือด้วยน้า เพราะน้องๆจะต้องอ่านหนังสือและบทความมากมายในเวลา 4 ปีที่อยู่ในนี้ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าใจเรามันได้ ก็ไม่มีอะไรเกินเอื้อมเราแน่นอนค่า
เกณฑ์การสอบเข้า BALAC
น้องๆต้องทำการสอบเก็บคะแนนต่างๆให้ผ่านเกณฑ์พอที่จะยื่นได้สิ่งที่จะใช้ยื่นได้ก็คือ
รอบ 1 :
- TOEFL iBT ขั้นต่ำ 95 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 7.0 หรือ
- CU-TEP ขั้นต่ำ 90 คะแนน
ควบคู่ไปกับ
- SAT (Evidence-Based Reading and Writing) ขั้นต่ำ 480 คะแนน หรือ
- CU-AAT (Verbal) ขั้นต่ำ 480 คะแนน หรือ
- ACT (English and Reading) รวมกันขั้นต่ำ 34 คะแนน
รอบ 2 :
- TOEFL iBT ขั้นต่ำ 79 คะแนน หรือ
- IELTS ขั้นต่ำ 6.5 หรือ
- CU-TEP ขั้นต่ำ 80 คะแนน
ควบคู่ไปกับ
- SAT (Evidence-Based Reading and Writing) ขั้นต่ำ 450 คะแนน หรือ
- CU-AAT (Verbal) ขั้นต่ำ 400 คะแนน หรือ
- ACT (English and Reading) รวมกันขั้นต่ำ 31 คะแนน
ซึ่งคะแนนเหล่านี้จะไม่มีส่วนในการตัดสินใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากน้องๆจะต้องไปสอบสัมภาษณ์และสอบเขียนตามระเบียบที่คณะกำหนด ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะคะแนนจะน้อยไป หรือไม่เพียงพอนะคะ แค่น้องๆได้คะแนนที่ผ่านเกณฑ์พอให้สมัครได้ก็โอเคแล้ว
เทคนิคเวลาสอบเขียน / สอบสัมภาษณ์
หลังจากคะแนนผ่านแล้ว น้องๆก็จะต้องผ่านด่านหินซึ่งก็คือข้อสอบเขียนและสอบสัมภาษณ์ ซึ่งในการสอบปัจจุบัน บาลัคจะแบ่งรอบการเข้าเป็น 2 รอบ
รอบแรก
เกณฑ์คะแนนต่างๆจะสูงกว่ารอบ 2 ดังนั้นหากน้องๆผ่านเกณฑ์คะแนนรอบแรกไปแล้วนั้น น้องๆจะไม่ต้องทำการสอบข้อเขียน แต่จะข้ามไปสอบสัมภาษณ์ได้เลย ซึ่งวิธีการเตรียมตัวหลักๆก็คือการติดตามข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองตลอดเวลา พร้อมทั้งหาความสนใจตนเองให้เจอ เพื่อที่เวลาที่ถูกถามถึงความสนใจ น้องๆจะได้สามารถยกขึ้นมาพูดได้พร้อมกับโยงเข้ากับหัวใจเนื้อหาของบาลัค คำถามที่น้องๆจะเจอก็จะมีความหลากหลายแล้วแต่ว่าน้องจะเจออาจารย์ท่านไหน เช่น ตอนที่พี่สอบ อาจารย์ได้ถามเกี่ยวกับความสนใจของพี่ในวรรณกรรมและภาพยนต์ พี่ก็ได้ยกหนังสือโปรดมาพูด ซึ่งก็คือ Hunger Games พร้อมกับโยงเข้ากับคตินิยมสิทธิสตรี รวมไปถึงการเปรียบเทียบระหว่างเวอร์ชั่นหนังสือและภาพยนต์อีกด้วย ส่วนเพื่อนของพี่บางคนก็จะโดนให้จับฉลาก 2 หัวข้อ แล้วให้เชื่อมโยง 2 หัวข้อนี้เข้าด้วยกัน เช่น Media กับ Gender หรือ Education กับ Poverty เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากข่าวสารที่ต้องติดตาม พี่แนะนำให้น้องๆไปทำความรู้จักกับ concept ต่างๆในสากล เช่น Feminism Globalization Poverty LGBTQ+ Democracy Education Gender Capitalism เป็นต้น
รอบสอง
เนื่องจากรอบนี้เกณฑ์คะแนนต่ำกว่ารอบแรก น้องๆที่ยื่นเข้ารอบนี้ก็จะต้องทำการสอบข้อเขียนด้วย ซึ่งข้อเขียนหลักๆก็จะมี 2 ส่วนก็คือส่วน Reading แล้วก็ Writing ในส่วนการอ่านนั้นน้องๆหลายๆคนก็จะคุ้นชินมาจากการสอบภาษาอังกฤษต่างๆเช่น SAT CU-TEP หรือ CU-AAT แต่พี่ขอกระซิบบอกว่ามันยากกว่าเยอะอยู่น้า เพราะว่าน้องๆจะต้องเขียนตอบด้วยตัวเอง จะไม่มีช้อยส์มาให้เลือกแล้ว ส่วนในพาร์ทเขียน จะมีโจทย์มา 4 ข้อให้เลือก และเราจะต้องเลือกมา 1 คำถามพร้อมกับเขียนตอบเป็น essay สั้นๆ หากน้องๆอยากพิชิตพาร์ทนี้ให้ได้คะแนนดีๆ พี่ก็ขอแนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างการเขียน essay เช่น บทนำ (Introduction) เนื้อหา (body) และสรุป (conclusion) พร้อมกับฝึกหลักความคิดวิเคราะห์บทเหตุและผลหรือ critical thinking ก่อนที่จะไปลงสนามจริงน้า
สำหรับใครที่กำลังหาที่เรียนพิเศษ SAT, IELTS, CU ต่างๆแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ Class-dd อยากให้ลองมา อ่านรีวิว ของสถาบันกวดวิชาที่รับติวสอบประเภทนี้ดูน้า สุดท้ายนี้ก่อนที่เราจะจากกันพี่และ Class-dd ก็อยากขอเป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนที่กำลังมองหาคณะที่ชอบให้ได้เจอกับคณะที่ใช่กันทุกคนเลยนะคะ พี่ก็อยากขอให้น้องๆทุกคนอย่าหมดกำลังใจและขอให้สู้ต่อไปสู้ไปเล่นไปใช้ชีวิตให้คุ้มแล้วอนาคตดีๆจะอยู่ไม่เกินเอื้อมแน่นอนค่ะ
เขียนโดย : ศรัญพร จันทร์วรวิทย์ (BALAC 9, CU 100)
เรียบเรียง : Admin