สวัสดีครับ ในทุกๆวันนี้ การสอบภาษาอังกฤษคงเป็นเรื่องใกล้ตัวเราทุกๆคน ไม่ว่าจะนำไปใช้สอบเข้า เรียนต่อ หรือแม้แต่สมัครทำงานก็ต้องการทักษะภาษาอังกฤษทั้งนั้น โดยมาตรฐานในการวัดระดับภาษาอังกฤษนั้นก็มีให้เลือกมากมายหลากหลาย แต่มีข้อสอบสองตัวที่ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยแมรับสูงสุดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกนั่นก็คือ ข้อสอบ TOEFL และ ข้อสอบ IELTS นั่นเอง
ถึงแม้ว่าข้อสอบทั้งคู่นั่นจะได้รับการยอมรับอย่างหลากหลายจากสถาบันหลายหมื่นแห่งทั่วโลก ข้อสอบทั้งสองนั่นก็ไม่ได้เหมือนกันเลยซะทีเดียว การเตรียมตัวเพื่อไปสอบข้อสอบแต่ละอันก็ถือได้ว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร ทั้งรูปแบบข้อสอบหรือการให้คะแนนเป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้ว เราควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจะเลือกสอบอันใดอันหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการเสียเวลากับตัวเอง และจะให้เราเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องด้วย ถ้าพร้อมแล้วขอเชิญอ่านข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างข้อสอบ TOEFL และ IELTS ที่ Class-dd ได้เตรียมมาให้สำหรับทุกคนกันเลย
TOEFL คืออะไร
TOEFL (the Test of English as a Foreign Language) เป็นข้อสอบที่วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักและได้รับการยอมรับจากสถาบันกว่า 8,500 แห่ง จาก 130 ประเทศทั่วโลก โดย TOEFL นั้นจะเหมาะสมกับการสอบเพื่อไปเรียนต่อตามสถาบันต่างๆ และใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) เป็นหลัก เพราะว่าเป็นข้อสอบที่ถูกจัดขึ้นและควบคุมโดยองค์กรจากอเมริกาที่ชื่อว่า “Education Testing Service”
IELTS คืออะไร
IELTS (International English Language Testing System) เป็นข้อสอบวัดมาตรฐานความรู้ภาษาอังกฤษ ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันต่างๆทั่วโลกกว่า 10,000 แห่ง จาก 140 ประเทศทั่วโลก ว่าเหมาะสมและเป็ยมาตรฐานของการสอบเพื่อไปสมัครงาน สมัครเรียนต่างๆ โดยเกณฑ์การคิดคะแนนของ IELTS นั้นจะแบ่งเป็นระดับตั้งแต่ 1-9 และจะเป็นข้อสอบออกเป็น 4 ส่วนได้แก่ ฟัง(Listening) อ่าน(Reading) เขียน(Writing) และ พูด(Speaking) และคิดคะแนนของแต่ละส่วนแยกกัน
ข้อแตกต่างทั่วๆไปของ TOEFL และ IELTS
นอกจากประเภทภาษาอังกฤษที่ใช้จะแตกต่างกันแล้วนั้น ข้อสอบ TOEFL เกือบทั้งหมดจะเป็นข้อสอบแบบกาเลือกข้อที่ถูกต้อง ส่วน IELTS นั้นจะเป็นการตอบคำถามแบบสั้นๆ เติมคำ หรือ essay สั้นๆซะมากกว่า โดยเวลาที่ให้สอบนั้นจะอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 40 นาทีสำหรับ IELTS ซึ่งสั้นกว่า TOEFL ที่ใช้เวลาอยู่ที่ 4 ชั่วโมงอีกด้วย หากใครเป็นสายเลือกข้อถูกและต้องการทบทวนคำตอบยาวๆ TOEFL อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณ แต่หากใครที่ชอบใช้คามคิดในการตอบคำถามที่มีได้หลากหลายแบบมาก IELTS ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ
รูปแบบข้อสอบ
ข้อสอบพูด / Speaking
ข้อสอบทั้ง TOEFL และ IELTS นั้นต่างก็มีข้อสอบพูด แต่จะต่างกันที่ว่า ของ IELTS การสอบพูดจะเป็นการสอบแบบ ตัวต่อตัว กับผู้คุมสอบและให้คะแนนโดยผู้คุมสอบคนเดียว แต่สำหรับ TOEFL นั้น จะเป็นการตอบคำถาม 6 ข้อใส่ไมโครโฟนเพื่อบันทึกคำตอบไว้คิดคะแนนกับกรรมการหลายคนในภายหลัง โดยเวลาสอบจริง ข้อสอบ TOEFL จะเป็นบทสนทนาสำเนียงอเมริกันเท่านั้น แต่สำหรับ IELTS จะมีผู้คำสอบจากหลากหลายเชื้อชาติที่ทำให้สามารถพบเจอสำเนียงได้หลายรูปแบบเลยทีเดียว
ข้อสอบเขียน / Writing
สิ่งแตกต่างหลักๆสำหรับข้อสอบเขียนทั้งสองแบบคือ TOEFL จะเป็นการสอบโดยการพิมพ์ ส่วน IELTS จะสอบโดยการเขียนลงกระดาษทั้งหมด สำหรับข้อสอบ TOEFL นั้น ผู้สอบจะต้องทำสองอย่างในข้อสอบได้แก่ เขียน essay 5 ย่อหน้าที่ความยาว 300-350 คำ และ สรุปบทความพร้อมกับเขียนคำตอบความยาว 150-225 คำ
สำหรับส่วนของ IELTS นั้น ผู้สอบจะต้องทำสองอย่างเช่นเดียวกันนั้นก็คือ สรุปข้อมูลจาก กราฟ ตาราง แผนภูมิหรือแผนภาพ และ สำหรับอีกงานคือการเขียนตอบเกี่ยวกับมุมมอง ข้อโต้แย้ง หรือความคิดเห็นของตัวเองที่มีต่อหัวข้อที่ได้รับ ในแบบฉบับของตนเอง ความยาวที่ 200-250 คำ
ข้อสอบอ่าน / Reading
ข้อสอบอ่านนั้นถือว่ามีรูปแบบคล้ายๆกันสำหรับทั่งคู่ โดย ข้อสอบ TOEFL จะแบ่งออกเป็น 3 ถึง 5 ส่วน และให้เวลาทั้งหมด 20 นาที เป็นข้อสอบข้อกาทั่วๆไป โดยแนวข้อสอบนั้นจะเป็นความรู้ทั่วไปที่มีการสอนในห้องเรียน แต่อาจจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาที่ไม่ได้สอนในโรงเรียนไทย ทำให้อาจจะเป็นความยากสำหรับคนไทยได้นั่นเอง
ส่วนสำหรับ IELTS นั้น จะแบ่งข้อสอบอ่านออกเป็น 3 ส่วน ให้เวลา 20 นาทีเช่นเดียวกัน จะเป็นเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือเรียน และถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการเรียนทั่วโลกมากกว่า TOEFL อยู่เล็กน้อย แต่การตอบจะเป็น คำตอบสั้นๆ หรือเติมคำในช่องว่าง ทำให้อาจจะต้องใช้จินตาการและการคิดวิเคราะห์มากกว่า เพื่อที่จะวัดผลทั้งความถูกต้อง ไอเดีย และวิธีการใช้ภาษาอังกฤษของเรา
ข้อสอบฟัง / Listening
ส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนที่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง TOEFL กับ IELTS โดยสำหรับข้อสอบ TOEFL นั้น จะมีความยาวอยู่ที่ 40-60 นาที โดยจะมีตั้งแต่ เนื้อหากับคำพูดจากห้องเรียนในมหาวิทยาลัย บทความ บทสนทนาต่างๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราจะต้องจดบันทึกเพื่อที่จะนำไปตอบคำถามข้อกาในภายหลัง ส่วนสำหรับข้อสอบ IELTS นั้น เราจะสามารถตอบคำถามได้ในขณะกำลังฟังบทสนทนาได้เลย แต่การตอบจะมีหลากหลายแบบไม่ใช่ข้อกาเพียงอย่างเดียวเหมือนกับ TOEFL นั่นเอง
การคิดคะแนน
สำหรับการให้คะแนนข้อสอบของ TOEFL นั้น จะให้คะแนนตามความถูกต้องเป็นหลัก อย่างเช่นข้อสอบเขียนก็จะเน้นไปที่ คำศัพท์ หรือ แกรมม่า ส่วนของ IELTS นั้นจะให้คะแนนสำหรับไอเดีย หรือวิธีการคิดของผู้สอบด้วย ยกตัวอย่างเช่น Essay ที่เขียนมาแล้วมีไอเดียที่ดี วางลำดับและใช้ตรรกะการคิดที่ถูกต้อง แต่แกรมม่าอาจจะผิดไปบ้าง จะได้คะแนนน้อยสำหรับ TOEFL แต่จะได้คะแนนเยอะกว่าถ้าเป็นข้อสอ IELTS เป็นต้น ซึ่งการคิดคะแนนแบบนี้จะถูกใช้ในข้อสอบ IELTS ทั้ง 4 ส่วน แต่ถ้าเป็น TOEFL ซึ่งเป็นข้อกา จะเน้นความถูกต้องเป็นหลัก
ส่วนคะแนนของทั้งสองนั้น IELTS จะคิดคะแนนเป็น 1-9 ซึ่งจะเราจะได้คะแนนของแต่ละพาร์ทมา และจะใช้คะแนนเฉลี่ยของแต่ละพาร์ทนำมาคิดเป็นคะแนนรวม ซึ่งแต่ละสถาบันหรือบริษัทอาจจะต้องการคะแนนขั้นต่ำของแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นเราจะสามารถเลือกและเตรียมตัวไปก่อนได้ว่าจะทำพาร์ทไหนให้ดีเป็นพิเศษ
สำหรับของ TOEFL นั้นจะคิดเป็นคะแนนเดี่ยวๆ รวมกันเต็ม 120 คะแนน ทำให้เราต้องทำดีในทุกๆส่วนหรือทำดีในส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นพิเศษเพื่อที่จะดึงคะแนนรวมขึ้นมานั่นเอง
สุดท้ายนี้การจะเลือกสอบ TOEFL หรือ IELTS นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของสถาบันหรือบริษัท และ ขึ้นอยู่กับความถนัดในการทำข้อสอบของตัวเราเอง เพราะทั้งสองนั้นก็มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร Class-dd อยากจะขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการสอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ IELTS หรือ TOEFL ก็ตาม แต่ถ้าหากเรายังไม่พร้อมที่จะไปสอบตอนนี้และกำลังหาที่เรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวไปสอบ TOEFL หรือ IELTS. ทาง Class-dd ก็อยากจะฝากให้ลองมาอ่าน รีวิวของสถานที่เรียนพิเศษเพื่อเตรียมสอบ IELTS และ TOEFL ได้ เพื่อที่จะได้นำไปช่วยประกอบการตัดสินใจและเตรียมตัวให้พร้อมสอบและประสบความสำเร็จไปพร้อมๆกัน พร้อมกับฝากติดตามเพจ Facebook : class-dd เพื่อที่จะไม่พลาดบทความใหม่ๆเกี่ยวกับการศึกษาและการเตรียมสอบ ที่เราจะมีมาให้อ่านกันทุกๆสัปดาห์ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่ครับ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการสอบนะครับ 🙂